มาดู! สุนัขหายใจแรงเกิดจากอะไร? อาการใดถึงจะอันตราย?
หอบหายใจจากความเหนื่อยอาจเป็นเรื่องปกติที่คุณพบเจอบ่อยๆ เมื่อพาสุนัขออกมาวิ่งเล่นออกกำลังกาย แต่จะทำอย่างไรถ้าหากระยะทางที่เคยพาไปวิ่งเล่นกลับลดสั้นลงและกลายเป็นอาการสุนัขหายใจแรงจนผิดปกติเข้ามาแทนที่ บางเคสพบว่าสุนัขลิ้นห้อยพร้อมหอบหายใจเหมือนขาดออกซิเจนร่วมด้วย แค่คิดก็รู้สึกกลัวขึ้นมาแล้ว! นอกจากอาการจะน่าเป็นห่วง ยังเรียกได้ว่าเป็นอาการที่อันตรายต่อชีวิตของเจ้าสัตว์สี่ขาอีกด้วย เพื่อที่จะผ่านพ้นเหตุการณ์เหล่านี้ไปได้อย่างราบรื่น เราได้รวบรวมข้อมูลน่ารู้มาไว้ให้คุณที่นี่เรียบร้อย
ทำไมสุนัขหายใจแรง? ปกติหายใจกี่ครั้งต่อนาที?
เนื่องจากผิวหนังของสุนัขไม่มีต่อมระบายเหงื่อเหมือนมนุษย์ หากจะระบายความร้องสุนัขสามารถระบายผ่านทางจมูก ปากและอุ้งเท้าได้เท่านั้น ดังนั้นถ้าหากสุนัขหายใจแรง มีอาการหายใจหอบถี่จนผิดสังเกต คุณอาจสันนิษฐานได้ว่าน้องหมาของคุณนั้นกำลังระบายความร้อนไม่ทันและเสี่ยงต่อการเป็นฮีทสโตรก
และถ้าหากต้องการแยกว่าสุนัขหายใจแรงผิดปกติหรือไม่ คุณควรเริ่มที่การทำความเข้าใจความถี่ในการหายใจของสุนัขเสียก่อน เบื้องต้นลูกสุนัขกับสุนัขโตเต็มวัยจะมีจังหวะการหายใจที่แตกต่างกัน สำหรับลูกสุนัขจะมีการหายใจ 15 – 40 ครั้งต่อนาที ถือว่าค่อนข้างเร็วเมื่อเทียบกับสุนัขโตเต็มวันที่จะหายใจประมาณ 10 – 35 ครั้งต่อนาทีเท่านั้น อย่างไรก็ตามการสังเกตว่าสุนัขของคุณหายใจผิดปกติหรือไม่ ควรเทียบกับวิธีการหายใจโดยปกติของน้องหมาที่คุณพบเจอประจำทุกวันด้วย และถ้าเทียบแล้วยังเจอความผิดปกติ ควรรีบพาไปพบสัตวแพทย์เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงทันที
อาการใดบ้างที่แสดงว่าสุนัขเริ่มผิดปกติ
การที่สุนัขหายใจแรงมักมีอาการผิดปกติอื่นๆ ร่วมด้วยเสมอ โดยอาการที่พบได้ง่ายก็คือการที่สุนัขลิ้นห้อย อ้าปากค้าง หอบหายใจและน้ำลายยืดนั่นเอง นอกจากนี้อาการอย่าง เช่น การเปลี่ยนสีของเหงือกหรือการร้องครางผ่านทางจมูกก็เป็นอาการที่ควรจับตามองอย่างใกล้ชิด
สุนัขหายใจแรงเกิดจากอะไรได้บ้าง
- ฮีทสโตรก
เพราะประเทศไทยเป็นประเทศที่มีอากาศร้อนชื้นตลอดทั้งปี ฮีทสโตรก หรือ โรคลมแดดในสุนัข จึงเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้สุนัขหายใจแรงเป็นอันดับต้นๆ ฮีทสโตรกในสุนัขนั้นจะคล้ายๆ ที่เกิดขึ้นกับมนุษย์ เป็นภาวะที่ร่างกายมีอุณหภูมิสูงกว่าปกติ เนื่องจากไม่สามารถระบายความร้อนออกจากร่างกายได้ เมื่อสะสมเป็นเวลานานก็จะส่งผลต่อระบบหายใจ ทำให้สุนัขลิ้นห้อย หอบหายใจแรง น้ำลายไหล เหงือกสีแดงเข้มและอาจอาเจียนออกมาได้ หากไม่รีบลดอุณหภูมิและพาเข้ารักษาอาจถึงขั้นเสียชีวิต โดยเฉพาะสุนัขสายพันธุ์หน้าสั้นที่มีระบบทางเดินหายใจไม่ดีเท่าสุนัขพันธุ์อื่นๆ ยิ่งมีโอกาสเกิดฮีทสโตรกได้ง่ายกว่าสายพันธุ์อื่นๆ
- โรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจ
โรคหอบและโรคหลอดลมอักเสบคือโรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจที่พบได้บ่อยในสุนัข สุนัขมักจะมีอาการหายใจแรงเนื่องจากทางเดินหายใจตีบแคบ สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาแม้สุนัขคุณจะอยู่นิ่งๆ หรือนอนหลับ
- โรคหัวใจ
อีกหนึ่งโรคที่พบได้บ่อยไม่แพ้กันก็คือโรคหัวใจ สุนัขมีโอกาสเป็นโรคหัวใจได้ตั้งแต่เกิด โดยสุนัขเพศผู้จะมีโอกาสเป็นโรคหัวใจมากกว่าเพศเมีย หัวใจของสุนัขที่เป็นโรคนี้จะสูบฉีดเลือดได้ไม่ดี ส่งผลให้สุนัขหายใจแรง หากออกซิเจนลดลงเยอะมากๆ ก็จะส่งผลต่อระบบอื่นๆ ในร่างกาย ทำให้มีอาการเหนื่อยง่าย หายใจเร็วหรือเป็นลมได้
- ความเครียด
ความเครียดและความกังวลก็สามารถทำให้สุนัขหายใจแรงได้เช่นกัน จะเห็นได้ว่าช่วงเทศกาลมักมีการรณรงค์ให้ดูแลน้องหมาภายในบ้านอย่างใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น ทั้งหมดนี้ก็เพราะสภาพแวดล้อมและความดังของเสียงที่ไม่อาจคุมได้คือปัจจัยสำคัญที่สามารถทำให้สุนัขเกิดความเครียดนั่นเอง นอกจากการหายใจแรงแล้ว สุนัขมักจะมีอาการตัวสั่น ลิ้นห้อย หรือปัสสาวะออกมาอีกด้วย
- บาดเจ็บ ไม่สบาย
จุดเริ่มต้นที่สุนัขหายใจแรงอาจเกิดจากการบาดเจ็บและไม่สบายได้เช่นกัน เพราะสุนัขไม่สามารถสื่อสารภาษามนุษย์ได้ การส่งเสียงจึงเป็นวิธีที่น้องหมาเลือกใช้ส่งสัญญาณความผิดปกติให้เรารับรู้ เป็นหนึ่งในปฏิกิริยาของระบบประสาท ที่ส่งผลให้สุนัขลิ้นห้อย หัวใจเต้นแรง รูม่ายตาขยาย บางตัวอาจซึมจนเห็นได้ชัด หรือบางตัวก็อาจก้าวร้าวจนน่ากลัว
หากสังเกตเห็นน้องหมาหายใจแรง เราจะป้องกันได้อย่างไรบ้าง
คุณสามารถป้องกันสุนัขหายใจแรงได้ง่ายๆ เพียงพาน้องหมาไปอยู่ในบริเวณที่อากาศถ่ายเทสะดวกและไม่มีความร้อนมากนัก ควรให้สุนัขจิบน้ำสม่ำเสมอเพื่อลดอุณหภูมิในร่างกาย พร้อมทั้งดูแลเรื่องอาหารการกินให้ถูกต้องตามหลักโภชนาการสุนัข รักษาความสะอาดและพาไปพบสัตวแพทย์เพื่อตรวจเช็กร่างกายอย่างสม่ำเสมอ หากสุนัขของคุณมีโรคประจำตัว การกินยาตามที่แพทย์สั่งพร้อมทั้งหาอาหารเสริมมาช่วยบำรุงก็จะช่วยทำให้สุนัขมีสุขภาพที่ดีขึ้นได้
ครบเรียบร้อยแล้วกับข้อมูลน่ารู้เรื่องสุนัขหายใจแรง จะเห็นได้ว่ามีหลายสาเหตุด้วยกันที่เป็นปัจจัยทำให้เกิดอาการดังกล่าว เพราะฉะนั้นการสังเกตความผิดปกติอย่างใกล้ชิดจึงเป็นหนึ่งในขั้นตอนสำคัญของการเลี้ยงสุนัข ความผิดปกติแม้จะเล็กน้อยแต่ก็สามารถช่วยทำให้คุณสามารถรักษาน้องหมาได้แบบถูกจุดและทันเวลา หากคุณทำตามคำแนะนำที่เรารวบรวมว่า บอกเลยว่าคุณจะสามารถรับมือกับเหตุการณ์เหล่านี้ได้แน่นอน
แล้วหากคุณกำลังมองหาอาหารเสริมสำหรับเจ้าสี่ขาของคุณอยู่ละก็ เราขอแนะนำ Antinol อาหารเสริมสุนัขที่ได้รับความไว้วางใจจากผู้เลี้ยงสุนัข และ สัตวแพทย์ทั่วโลก
แหล่งข้อมูลอ้างอิง: โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ