สำหรับมนุษย์เราเมื่อถึงหน้าฝนก็ต้องเตรียมพกร่มหรือเปลี่ยนสไตล์การแต่งตัวให้เข้ากับสภาพอากาศ แน่นอนว่าน้องแมวก็ต้องมีการเตรียมตัวที่รอบคอบมากขึ้นเมื่อเข้าสู่ช่วงหน้าฝนเช่นกัน เพื่อคุณภาพชีวิตและสุขภาพของน้องแมว เรามาเตรียมตัวดูแลแมวหน้าฝนไปพร้อมๆ กันเลย
ดูแลแมวหน้าฝนแล้วแมวโดนฝนได้มั้ย!?
แมวกับมนุษย์มีความเหมือนกันตรงที่สามารถโดนฝนได้ แต่ก็ไม่ควรตากฝนเป็นเวลานาน เนื่องจากเชื้อโรคส่วนใหญ่มักเจริญเติบโตได้ดีในอากาศชื้นและเม็ดฝนนั้นก็เต็มไปด้วยเชื้อโรคมากมายที่สามารถทำให้ป่วยได้ ไข้หวัดและอาการปอดบวมจะเกิดขึ้นได้ง่ายในช่วงนี้ ถ้าหากเป็นไปได้การดูแลแมวที่ดีที่สุดก็คือการไม่ป้องกันไม่ให้แมวโดนฝนนั่นเอง อย่างไรก็ตามถ้าหากเกิดเหตุสุดวิสัยจนแมวเปียกฝน การรีบทำความสะอาดและทำให้ขนแมวแห้งอย่างไวที่สุดก็เป็นสิ่งสำคัญอันดับแรกที่ควรทำ
4 ข้อควรจำเพื่อดูแลแมวหน้าฝน
- น้องแมวไวต่อเสียง
แมวเป็นสัตว์ที่ไวต่อเสียง ดังนั้นในหน้าฝนที่มีเสียงฝนตก ฟ้าผ่า ฟ้าร้อง จึงเป็นช่วงที่คุณควรให้ความใส่ใจแมวมากกว่าเดิม การได้ยินเสียงดังอย่างไม่ทันตั้งตัวอาจทำให้แมวเครียดจนหนีเตลิดได้ สำหรับใครที่เลี้ยงแมวระบบปิดจะต้องตรวจสอบให้ดีว่าไม่มีช่องทางให้น้องแมววิ่งหนีออกไปจากบริเวณที่เลี้ยง คุณควรดูแลแมวอย่างใกล้ชิดเป็นพิเศษ อาจทำการแปรงขน เกาคางหรือคอยลูบเป็นการช่วยทำให้แมวผ่อนคลายพร้อมๆ กับการแสดงความรัก ทั้งนี้การเปิดเสียงเพลงจังหวะเบาๆ คลอไปในช่วงฝนตกก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่สามารถกลบเสียงฟ้าฝนที่ดีเช่นกัน
- ทำความสะอาดอุ้งเท้า
สำหรับแมวระบบปิดที่ไม่มีโอกาสออกไปเจอโลกภายนอกอาจลดปัญหานี้ไปได้ แต่ถ้าหากคุณเลี้ยงแมวระบบเปิดในช่วงหน้าฝน นอกจากระวังเรื่องขนแมวโดนฝนแล้ว คุณต้องดูแลแมวด้วยการทำความสะอาดอุ้งเท้าให้สม่ำเสมอด้วย เพราะแอ่งน้ำที่เกิดขึ้นหลังฝนตกเป็นจุดที่รวมเชื้อโรคและแบคทีเรียไว้เป็นอย่างดี หากน้องแมวเผลอไปเหยียบและไม่ได้ทำความสะอาดก็มีโอกาสที่จะติดเชื้อจนไม่สบายได้
- ดูแลที่นอนให้แห้งเสมอ
อย่างที่รู้ว่าช่วงฝนตกมักมีความชื้นในอากาศสูง คุณจึงควรดูแลแมวให้มีที่นอนที่แห้งอยู่เสมอ หากปล่อยให้มีความชื้นสะสม ที่นอนน้องแมวอาจกลายเป็นแหล่งเพาะพันธุ์เชื้อโรคไปโดยปริยาย แนะนำให้ทำความสะอาดสัปดาห์ละ 1 ครั้งเป็นอย่างต่ำ นอกจากนี้บริเวณชามอาหารและชามน้ำของแมวก็เป็นอีกจุดที่ห้ามมองข้าม หมั่นเปลี่ยนอาหารและน้ำให้สะอาดอยู่เสมอก็จะช่วยลดอาการท้องเสียของแมวในหน้าฝนไปได้
- ฉีดวัคซีนป้องกันโรค
มีโรคมากมายที่แพร่ระบาดในช่วงหน้าฝน การฉีดวัคซีนป้องกันโรคจะช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันในร่างกายน้องแมวให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้การดูแลแมวที่ดีคือการพาน้องแมวไปตรวจสุขภาพกับสัตวแพทย์ปีละ 1 ครั้ง เป็นการตรวจเช็กสุขภาพโดยรวม ช่วยทำให้คุณสามารถรักษาได้ทันหากน้องแมวมีโรคร้ายที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า
โรคของแมวที่ควรระวังเมื่อเข้าหน้าฝน
แม้จะมีหลายโรคที่สามารถเกิดขึ้นในแมวได้ แต่การทำความรู้จักกับโรคที่เกิดขึ้นบ่อยในช่วงฤดูฝนเอาไว้ก็เป็นอีกวิธีในการดูแลแมวอย่างรอบคอบ โดยเราได้คัด 3 โรคควรระวังมาให้คุณแล้วที่นี่
- โรคพยาธิหนอนหัวใจ : เพราะพาหะนำโรคของโรคนี้คือยุง ดังนั้นในช่วงหน้าฝนที่ยุงเพาะพันธุ์ได้ง่ายที่สุดจึงเป็นช่วงที่ควรจับตามองไม่ให้คลาดสายตา อาการของแมวที่เป็นโรคนี้จะคล้ายกับโรคหอบ มักเบื่ออาหารและอ่อนแรงร่วมด้วย กรณีที่แบบเฉียบพลันอาจมีอาการปอดอักเสบอย่างรุนแรง แม้จะยังไม่มียารักษาโรคนี้โดยเฉพาะ แต่คุณสามารถตัดไฟได้ตั้งแต่ต้นลมด้วยการพาไปหยอดยาเดือนละหนึ่งครั้ง ตัวยาจะซึมในกระแสเลือด หากตัวอ่อนพยาธิซึ่งเป็นเชื้อของโรคนี้หลุดเข้ามาก็จะโดนฆ่าทันที
- โรคหวัดแมว : เป็นโรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจอีกหนึ่งโรคที่มักพบช่วงหน้าฝน สามารถติดต่อได้ทั้งทางลมหายใจอากาศและสารคัดหลั่งต่างๆ น้องแมวที่ติดโรคนี้จะมีอาการคล้ายๆ กับคนเวลาเป็นหวัด น้องแมวจะมีน้ำมูกไหล เบื่ออาหาร ตาอักเสบและมีขี้ตามากผิดปกติ สัตวแพทย์มักรักษาด้วยยาต้านไวรัสหรือยาปฏิชีวนะพร้อมกับการรักษาตามอาการ
- โรคเชื้อราแมว : เกิดขึ้นได้ถ้าหากน้องแมวมีจุดอับชื้นจนเกิดเชื้อรา การที่แมวโดนฝนจะทำให้มีโอกาสเกิดโรคนี้ง่ายขึ้น น้องแมวที่เป็นโรคนี้จะมีขนร่วงเป็นหย่อมๆ มักมีอาการคัน ผิวหนังลอกหรือผิวหนังขึ้นผื่นแดงร่วมด้วย แม้ว่าจะสามารถรักษาได้ด้วยยาและการใช้แชมพูฆ่าเชื้อในการทำความสะอาด แต่ก็เป็นโรคผิวหนังของแมวที่น่ากลัวเนื่องจากสามารถติดต่อสู่มนุษย์ได้ด้วยการลูบคลำโอบกอด
ครบแล้วกับข้อควรจำในการดูแลแมวหน้าฝน ถ้าหากคุณจำรายละเอียดเหล่านี้ได้รับรองเลยว่าหน้าฝนที่จะถึงนี้ก็คงไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป สำหรับใครที่อยากดูแลน้องแมวให้ห่างไกลจากโรคต่างๆ มากยิ่งขึ้นก็อย่าลืมดูแลจากภายในด้วยการให้อาหารที่มีประโยชน์ และ ให้ทาน Antinol อาหารเสริมแมวไปพร้อมๆ กันด้วย